ความขัดแย้งในปี 2017 โลกมุสลิมที่ต้องจับตา

muslim

ปัญหาความรุนแรงในประเทศกลุ่มอิสลามยังคงไม่หมดไป เมื่อทางเพนตากอนออกมาแถลงถึงนโยบายการทำสงครามกับกลุ่มประเทศอิสลามหัวรุนแรงในซีเรีย ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และทางรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ สำหรับปัญหานี้ จากการได้พบกับประธานาธิปดี โดนัล ทรัมป์ ซึ่งเขาไม่มีแผนการจะเรียกกองทัพกลับในขณะนี้ ซึ่งทรัมป์ยังตกลงจะเข้าร่วมประชุมในสภาความมั่นคงแห่งชาติในสัปดาห์นี้ เพื่อหาลือในการผนึกกำลังทหารให้นานที่สุดในซีเรีย เพื่อเผด็จศึกพวกหัวรุนแรงให้จบหมดไป

ในขณะที่ทรัมป์บอกถึงความต้องการบดขยี้กองทัพของกลุ่มประเทศอิสลาม แต่ก็ยังคงต้องการความช่วยเหลือจากนาๆ ประเทศโดยเฉพาะสหประชาชาติ เพื่อช่วยเข้ามารักษาเสถียรภาพในซีเรีย ในขณะนี้สหรัฐอเมริกาทำการถล่มด้วยอากาศยานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับทหารลาดตระเวนกว่า 2,000 นาย รวมถึงปฎิบัติการพิเศษต่างๆ เพื่อช่วยเหลือตัวประกันจากพวกหัวรุนแรงรู้จักกันในนาม ISIS

เพนตากอนยังบอกอีกว่าเราจำเป็นต้องวางแผนระยะยาว เพื่อขจัดพวกหัวรุนแรงให้หมดแบบถอนรากถอนโคน เราจะไม่ถอนทัพจนกว่าพวกนี้จะหมดไป โฆษกเพนตากอนบอกว่าที่ทำทั้งหมดเป็นปฏิบัติการทางการทหารทั้งสิ้น แต่ก็พร้อมจะช่วยเหลือทุกอย่างกับผู้บริสุทธิ์อย่างเต็มที่ ต่อมาไม่นานเหตุการณ์ก็เลวร้ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมีการทิ้งระเบิดชีวิภาพลงในซีเรีย ทำให้นานาชาติต้องเข้าประชุมความมั่นคงระดับประเทศเป็นการเร่งด่วน เพื่อหาสาเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังการทิ้งระเบิด

ในระหว่างนานาประเทศ กำลังระดมหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ ประธานาธิปดีสหรัฐฯ โดนัล ทรัมป์ ได้ออกมากล่าวหาว่าประธานาธิปดี วาดีเมีย ปูติน แห่งรัสเซียอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการทิ้งระเบิดครั้งนี้  ซีเรียได้ออกมาปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้ลงมือทำการกระทำที่โหดร้าย

“มีผู้สูญเสียชีวิตมากมายจากการใช้อาวุธชีวภาพในซีเรียเมื่อเร็ว ๆ นี้ ส่วนใหญ่เป็นทั้งเด็กและผู้หญิง เป็นการกระทำอันป่าเถื่อน ไร้จิตใจ ตอนนี้พื้นที่บริเวณกว้างถูกปิดตายโดยกองทัพของซีเรีย ไม่ให้ใครเข้า ออกเพื่อตามล่าผู้เกี่ยวข้อง ผมขอบอกเลยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ประธานาธิปดีปูติน แห่งรัสเซียและชาติอิหร่าน พวกเขาต้องจ่ายกับสิ่งที่ทำลงไป”