“ทรัมป์” เตือนตุรกีเร่งปราบเคิร์ดซีเรีย อย่าให้การเกิดปะทะกับทหารสหรัฐฯ

Kurdistan ประธานาธิบดีสหรัฐได้ออกมากระตุ้นประเทศตรุกรีให้เร่งปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย โดยบอกว่าอย่าให้ความขัดแย้งมาถึงกองทหารสหรัฐ ในขณะที่ตรุกีได้ทำภารกิจทิ้งระเบิดในซีเรียเป็นวันที่ 5 แล้ว โดยเป้าหมายคือการกำจัดกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด ที่ได้ต่อสู้ในตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกีมานานหลายทศวรรษ ประธานาธิบดีตุรกี Tayyip Erdogan กล่าวว่าเขาจะขยายการดำเนินงานไปยัง Manbij ซึ่งเป็นเขตปกครองของเคิร์ด ที่อยู่ห่างจาก Afrin ไปทางตะวันออกประมาณ 100 กิโลเมตร อาจเป็นเหตุให้กองกำลังสหรัฐฯมีความเสี่ยง และเป็นภัยคุกคามต่อแผนการของสหรัฐฯที่จะรักษาเสถียรภาพของซีเรีย

โดยทางสหรัฐออกมาบอกว่าให้ทางตุรกีปฏิบัติภารกิจด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตของพลเรือน รวมถึงหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจมีความขัดแย้งระหว่างกองกำลังตุรกีกับสหรัฐฯ ที่มีกองทัพทหารอยู่จำนวน 2,000 นาย ประจำการอยู่ในซีเรีย โดยทางตุรกีได้ออกมาบอกกับทรัมพ์ว่าจะต้องหยุดสนับสนุนการส่งอาวุธให้กับกลุ่ม YPG หลังจากที่สหรัฐอเมริกาหวังว่าจะใช้การควบคุมพื้นที่ของ YPG เพื่อให้เป็นกลไกทางการทูตที่จำเป็นต้องฟื้นฟูการเจรจาของสหประชาชาติในข้อตกลงเจนนีวา ที่จะยุติสงครามกลางเมืองของซีเรียและในที่สุดก็นำไปสู่การขับไล่ประธานาธิบดีบาชาร์อัสซาด

ในขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่าสหรัฐฯมีแรงกดดันเพียงเล็กน้อย ที่จะสามารถนำมาใช้กดดันกับตุรกีได้เนื่องจากกองทัพของสหรัฐฯ จำเป็นต้องพึงพาฐานทัพตุรกีเพื่อดำเนินการโจมตีทางอากาศในซีเรียต่อกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ โดยกลุ่ม YPG นั้นเป็นกลุ่มที่แยกย่อยมาจากกลุ่ม PKK ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรก่อการร้ายในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป โดยตุรกีได้ทำข้อตกลงซื้ออาวุธป้องกันตนเอง S-400 ที่เป็นระบบป้องกันขีปนาวุธจากรัสเซีย ซึ่งไม่เข้ากันกับระบบของนาโต้

ตุรกีนั้นมีพื้นที่ชายแดน ติดกับซีเรียยาว 911 กิโลโมตร 2 ใน 3 ของพื้นที่อยู่ในการควบคุมของกลุ่มติดอาวุธ YPG ซึ่งมี Manbij อยู่ห่างจากอ่าว Afrin ประมาณ 100 กม โดยกองทัพสหรัฐได้เข้ามาดูแลในพื้นที่นี้ตั้งแต่ช่วงปี 2016 เมื่อกลุ่มก่อการร้ายอิสลามถูกขับออกจากเมืองโดย YPG พร้อมกับความช่วยเหลือจากอเมริกา โดยชาวเคิร์ดกล่าวว่าพวกเขาพร้อมที่จะนำทหารจาก Rojava เข้ามาเสริมกำลังนักรบ YPG ประมาณ 10,000 คนในเมือง Afrin ที่แออัด ซึ่งจะหมายถึงอาวุธรวมมากมาย ทั้งขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ที่ถูกส่งมาจากวอชิงตันเพื่อใช้ในการต่อต้านการก่อการร้ายญิฮาด และในเวลานี้มันหันเป้ามาที่ชาวเติกส์และกลุ่มกบฏซีเรียของพวกเขา สถานการณ์ยังคงเป็นที่จับตามองของต่างชาติ เพราะยังไม่อาจคาดเดาสถานการณ์ว่าจะออกมาในรูปแบบใด